รายการบล็อกของฉัน

วันเสาร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ในที่สุดวิกฤตน้ำท่วมก็กำลังจะผ่านไป

     ผมต้องหนีนำ้ท่วมอยู่หลายอาทิตย์เลยไม่ได้เข้ามาเขียนบล๊อกเลย (ไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะมีคนเข้ามาอ่านอีกรึเปล่า ^_^ )  หลังจากช่วง 3 อาทิตย์ที่ผ่านมา กรุงเทพมหานคร ประกาศให้พื่นที่ของผมเป็นพื้นที่เผ้าระวังพิเศษ ผมก็เลยตัดสินใจไปต่างจังหวัดซะเลย เพราะเตรียมตัวทุกอย่างไว้หมดแล้ว เหลือแต่ตรวจสอบเรื่องไฟฟ้าให้เรียบร้อย หลังจากนนั้นก็เดินทางออกจากกรุงเทพมหานคร ไปเที่ยวภาคเหนือ โดยไปพักที่บ้านเกิด คือ จ.กำแพงเพชร ก่อน และก็เลยไป จ.ตาก อารมณ์ตอนไปถึง มันต่างกับตอนอยู่กรุงเทพมาก เพราะมันไม่ต้องกังวลว่าน้ำจะมามั๊ย ถ้าน้ำมาจะออกยังไง หรือว่า จะเตรียมอะไรไว้กินดี (ตอนนั้นของกินแทบไม่มีขาย)

    สิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากน้ำท่วมครั้งนี้มีหลายอย่างมาก เขียนเป็นข้อๆเลยละกัน เพราะช่วงที่ไปเที่ยวนั้นไม่มีอินเตอร์เน็ตใช้ เลยใช้จดใส่โทรศัพท์มือถือแทน
1. เราควรมีทรัพย์สินแต่เพียงที่จำเป็นต้องใช่เท่านั้น เพราะเวลาเกิดเหตุที่ไม่คาดฝัน ความเครียดมันจะแปลตามทรัพย์สินที่มี ลองนึกภาพคน 2 คนมีรถ 4 คันดูสิ มันยุ่งยากขนาดไหน
2. เราควรเตรียมตัวกับการเกิดวิกฤติเสมอ เช่น มีเงินสดไว้ เผื่อจำเป็นต้องใช้ หรือ มีแทงค์น้ำ เผื่อตอนน้ำประปาไม่ไหล และเตรียมอะไรๆอีกหลายอย่างมากมาย และที่สำคัญทีสุดคือ เตรียมใจ
3. นิสัยของการชอบอ่าน ชอบศึกษา และ ช่างสังเกตุ มันจะช่วยได้เยอะมากในการเอาตัวรอดในสถานการณ์ที่เราไม่เคยเจอมาก่อน ที่ผ่านมาถ้าใครอ่านและฟังเยอะ (เลือกเฉพาะตรงเหตุผลของแต่ละคนแล้วเอามาวิเคราะห์และติดตามผลลัพธ์เอง) คงจะเข้าใจว่ามันช่วยได้มากขนาดไหน
นี่เป็นตัวอย่างสิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากครั้งนี้ แต่จริงๆแล้วมันมีอีกมากมาย แล้วแต่ว่าใครจะมองแบบไหน แต่ทุกครั้งที่เกิดวิกฤตมันจะมีโอกาสเสมอ อยู่ที่เราหาเจอรึเปล่า

     สำหรับเรื่องหุ้น มันก็ผิดคาดสำหรับการคาดการของคนหลายๆคน ว่าน้ำท่วมครั้งนี้ข่าวร้ายเยอะจัง น่าจะทำให้หุ้นร่วงลงไป บางคนถึงกับยอมขายขาดทุนเพื่อที่จะลงไปรอซื้อตอนมันตกลงไป แต่แล้วมันก็ขึ้นมาเรื่อยๆ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะขึ้นต่อรึเปล่า แต่ผมรู้ว่าหุ้นที่ผมถือมันยังไม่แพง ผมก็ยังไม่ขายดีกว่า เพราะมันไม่ make sense เลยที่จะขายตอนหุ้นมันราคาถูก คำว่าถูกของแต่ละคนมันก็ต่างกันนะครับ อย่างผม ผมรับได้กับการที่หุ้นจ่ายปันผลให้ผม 4-5 % ต่อปี และมีการเติบโตขึ้นเรื่อยๆ Peter Lynch บอกไว้ว่า การเล่นหุ้นเหมือนการเล่น Poker ที่ไม่มีวันจบ กำไรในแต่ละไตรมาสเปรียบได้กับการหงายไพ่ขึ้นมาอีกใบ เราจะอยู่ต่อ ต่อเมื่อไพ่ที่หงายขึ้นมามันดี แต่ถ้าหงายขึ้นมาแล้วมันแย่ติดต่อกัน เราก็ทิ้งไพ่ชุดนั้นซะ แล้วจะเริ่มไพ่ชุดใหม่ (อาจจะงงๆหน่อย)




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น