IRC คนส่วนใหญ่อาจจะคิดว่าบริษัทผลิตแต่ยางรถมอเตอร์ไซค์ แต่ที่จริงแล้ว เป็นการผลิตยางมอเตอร์ไซค์ 45% (แบ่งเป็น ส่งออก 15% และ ขายในประเทศ 30%) และเป็นการผลิตยางเพื่ออุตสาหกรรม อีกประมาณ 50% (ส่งออก 10% ขายในประเทศ 40%) เปอร์เซ็นต์ที่เหลือคือผลิตวงล้อรถมอเตอร์ไซค์ ยางเพื่ออุตสาหกรรม ก็คือ พวกยางที่ใช้กับรถยนต์และเครื่องจักรต่างๆ ยกตัวอย่าง เช่น ยางแท่นเครื่อง ยางขอบกระจก วาล์วน้ำ และ อื่นๆ อีกมากมาย ในด้านรถยนต์ก็มีลูกค้าเป็นค่ายรถยนต์ที่ประกอบในประเทศเกือบทุกค่าย เช่น โตโยต้า ฮอนด้า ถ้าดูจากสัดส่วนการผลิตแล้ว นับคร่าวๆ ก็อย่างละครึ่ง ดังนั้นคือ บริษัทพึ่งพาทั้งรถยนต์ และ รถมอเตอร์ไซค์ และ เน้นการขายในประเทศเป็นหลัก (80%) มองแล้ว ไม่น่ามีผลกระทบจากการส่งออกเท่าไรนัก ดูด้านการเงิน บริษัทมีหนี้สินอยู่ 1300 ล้านบาท แต่มีทรัพย์สินทั้งหมด 3300 ล้านบาท หนี้สินต่อทรัพย์สินก็ถือว่าไม่มาก
ถ้าดูอย่างคร่าวๆแล้ว บริษัทนี้มีความน่าสนใจอยู่พอสมควร แต่มีข้อเสียตรงที่ Freefloat ต่ำ และมีหุ้นอยู่ในตลาดน้อย Volume ต่อวันน้อยมาก ทำให้การซื้อขายเป็นไปได้ลำบาก แต่ มันเหมาะกับคนที่คิดจะถือยาว เพราะมันขายยากนั่นเอง ยิ่งตอนตลาดหุ้นขาลงแบบนี้ Volume แทบไม่มี (อะไรที่มันมีข้อดีมันก็ต้องมีข้อเสียเป็นธรรมดา) และนี่เป็นสาเหตุที่คนไม่ค่อยเล่นตัวนี้กัน ถ้าจะให้ดีต้องทยอยซื้อ อย่าไปเคาะทีละหลายๆช่อง ค่อยๆเก็บไปเรื่อย เพราะความที่มันไม่มี Volume นี่แหละ ราคามันจะขึ้นลงได้ง่ายมาก
ในตลาดมีหุ้นแบบนี้อยู่หลายตัวเหมือนกัน เช่น AEONTS , MBK สังเกตุว่าหุ้นพวกนี้ไม่มีโบรกเกอร์มาตามวิเคราะห์ เพราะมันไม่มี Volume ให้ซื้อขาย ดังนั้นตามหลักเหตุผล เราน่าจะได้หุ้นถูกกว่า หุ้นที่มีโบรกเกอร์มาเชียร์ซื้อ นี่แหละคือความน่าสนใจของหุ้นที่น่าเบื่อ หรือหุ้นอีกประเภทที่เราจะได้ถูกกว่านี้อีกก็คือ หุ้นที่มีโบรกเกอร์ตามวิเคราะห์ แต่ โบรกเกอร์เชียร์ขาย หุ้นพวกนี้จะลงแรงมาก เช่นตอนนี้ก็มี STA , BANPU , IRPC ถ้าเราวิเคราะห์ ศึกษาอย่างละเอียดแล้วว่ามันเป็นธุรกิจที่ดี เราก็เข้าไปทยอยซื้อได้ เช่นตั้งเป้าไว้ว่าจะซื้อ 1 ล้านบาท เราก็แบ่งเป็นก้อนละ 2.5 แสนบาท แล้ทยอยซื้อ ลงอีกซื้ออีก จนครบ แล้วพอ แต่ถ้ามันขึ้นมาก่อนแล้วยังซื้อไม่ครบ เราก็เก็บเงินก้อนนั้นไปรอซื้อหุ้นตัวใหม่ ตลาดหุ้นความน่ากลัวที่สุดมันคือความโลภ ฉะนั้นห้ามโลภ เด็ดขาด พูดง่ายแต่ทำยากจัง ^_^
ถ้าดูอย่างคร่าวๆแล้ว บริษัทนี้มีความน่าสนใจอยู่พอสมควร แต่มีข้อเสียตรงที่ Freefloat ต่ำ และมีหุ้นอยู่ในตลาดน้อย Volume ต่อวันน้อยมาก ทำให้การซื้อขายเป็นไปได้ลำบาก แต่ มันเหมาะกับคนที่คิดจะถือยาว เพราะมันขายยากนั่นเอง ยิ่งตอนตลาดหุ้นขาลงแบบนี้ Volume แทบไม่มี (อะไรที่มันมีข้อดีมันก็ต้องมีข้อเสียเป็นธรรมดา) และนี่เป็นสาเหตุที่คนไม่ค่อยเล่นตัวนี้กัน ถ้าจะให้ดีต้องทยอยซื้อ อย่าไปเคาะทีละหลายๆช่อง ค่อยๆเก็บไปเรื่อย เพราะความที่มันไม่มี Volume นี่แหละ ราคามันจะขึ้นลงได้ง่ายมาก
ในตลาดมีหุ้นแบบนี้อยู่หลายตัวเหมือนกัน เช่น AEONTS , MBK สังเกตุว่าหุ้นพวกนี้ไม่มีโบรกเกอร์มาตามวิเคราะห์ เพราะมันไม่มี Volume ให้ซื้อขาย ดังนั้นตามหลักเหตุผล เราน่าจะได้หุ้นถูกกว่า หุ้นที่มีโบรกเกอร์มาเชียร์ซื้อ นี่แหละคือความน่าสนใจของหุ้นที่น่าเบื่อ หรือหุ้นอีกประเภทที่เราจะได้ถูกกว่านี้อีกก็คือ หุ้นที่มีโบรกเกอร์ตามวิเคราะห์ แต่ โบรกเกอร์เชียร์ขาย หุ้นพวกนี้จะลงแรงมาก เช่นตอนนี้ก็มี STA , BANPU , IRPC ถ้าเราวิเคราะห์ ศึกษาอย่างละเอียดแล้วว่ามันเป็นธุรกิจที่ดี เราก็เข้าไปทยอยซื้อได้ เช่นตั้งเป้าไว้ว่าจะซื้อ 1 ล้านบาท เราก็แบ่งเป็นก้อนละ 2.5 แสนบาท แล้ทยอยซื้อ ลงอีกซื้ออีก จนครบ แล้วพอ แต่ถ้ามันขึ้นมาก่อนแล้วยังซื้อไม่ครบ เราก็เก็บเงินก้อนนั้นไปรอซื้อหุ้นตัวใหม่ ตลาดหุ้นความน่ากลัวที่สุดมันคือความโลภ ฉะนั้นห้ามโลภ เด็ดขาด พูดง่ายแต่ทำยากจัง ^_^
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น