รายการบล็อกของฉัน

วันเสาร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2554

มนุษย์ไม่สามารถฝืนธรรมชาติได้

     หลังจากผ่านมาเป็นเดือน สุดท้ายกรุงเทพมหานคร ก็เจอกับน้ำจนได้ ธรรมชาติของน้ำคือไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ ต่อให้มนุษย์เก่งขนาดไหน เราก็ไม่สามารถเอาชนะธรรมชาติได้ พอน้ำไหลลงมาจากภาคเหนือสิ่งที่เราทำอยู่ตอนนี้คือ พยายามกั้นไม่ให้เข้ากรุงเทพ แต่จังหวัดกรุงเทพนั้นมันเป็นทางออกของน้ำสู่ทะเล (จริงๆก็มีหลายทางที่จะออกสู่ทะเล แต่กรุงเทพก็เป็นทางหนึ่ง) ฉะนั้นถ้าเราพยายามกั้นไม่ให้น้ำออกทางกรุงเทพ ก็เหมือนเราปิดท่อระบายน้ำไปท่อนึง น้ำจึงไม่สามารถระบายได้ดีเท่าี่ควร  แต่ตอนนี้ผู้รับผิดชอบโดยตรงกำลังหาทางออกให้พวกเราอยู่ เราก็มีหน้าที่ป้องกันตัวเองเท่าที่ทำได้ และก็เฝ้ารอต่อไป ว่าจะท่วมมั๊ย น้ำมาถึงไหนแล้ว ความคิดของผม ผมว่าการที่เรามีคันกั้นน้ำที่สูงๆ มันจะยิ่งทำใจพื้นที่ในเขตกั้นน้ำ กลายเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยไปโดยปริยาย ถ้าวันนึงมันเกิดรับน้ำไม่ไหวและพังลงมา ความแรงของน้ำจะทำให้ทรััพย์สินจะเสียหายมากกว่า การที่ไม่ได้กั้นซะอีก และคนที่อยู่ในคันกั้นน้ำก็จะมีความเครียดสะสม เพราะไม่รู้ว่าคันจะเอาอยู่จริงๆรึเปล่า แต่ทุกอย่างมันมีทั้งข้อดีและข้อเสียในตัวมันเองเสมอ อยู่ที่เรามองเห็นมันรึเปล่า

    ที่บ้านผมตอนนี้ผมเตรียมทำกระสอบกราย และ ก่ออิฐบล๊อกเพื่อรองรับน้ำแล้ว การเตรียมตัวก่อน ไม่ว่ามันจะเกิดหรือไม่ อย่างน้อยมันก็ทำให้เราสบายใจ นอนหลับได้อย่างสบาย เพราะไม่ว่ามันจะมาหรือไม่มา ผมก็ทำอะไรไปไม่ได้มากกว่านี้แล้ว มีอย่างเดียวคือ ถ้าผมตื่นมาตอนเช้าแล้วมีน้ำท่วมเต็มหน้าบ้าน หน้าที่ของผมก็คือ เก็บกระเป๋าพร้อมทรัพย์สินมีค่า ซึ่งผมได้เตรียมไว้แล้ว และอพยพไปอยู่ต่างจังหวัด และระหว่างที่รอนี้ ผมก็ได้ออกไปเที่ยว หาอะไรกิน ตามสบาย ไม่ต้องมานั่งกังวลว่า น้ำจะมาเมื่อไร หรือตอนนี้มีข่าวว่าอะไร (ข่าวตอนนี้ก็มั่วมาก เชื่อถือไม่ค่อยได้) ^_^

     สำหรับเรื่องการลงทุนแล้ว เราก็ฝืนธรรมชาติไม่ได้อีกเช่นกัน ทุกอย่างมันมีขึ้นมันก็ต้องมีลง อยู่ที่ระยะเวลาเท่านั้น อย่างเมื่อ 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา เกิดการขึ้นแรงๆ จนคนงงว่า นี่เราน้ำท่วมอยู่นะ มันขึ้นไปได้ยังไง และแล้ว มันก็ค่อยๆร่วงลงมา เพราะมันขึ้นไปแรง แต่ผมสังเกตุอยู่อย่างหนึ่งคือ ต่างชาติซื้อสุทธิเกือบทุกวันเลย ผมไม่รุ้ว่ามันจะหมายความว่าอะไร ในความคิดผม ผมว่าถ้าซื้อตอนนี้มันก็น่าจะได้ของถูก เพราะมีแต่คนขาย ยิ่งบริษัทที่โดนน้ำท่วม มันร่วงจนเกินมูลค่าพื้นฐานไปแล้ว ทุกคนลืมไปรึเปล่าว่า บริษัทเค้ามีประกัน เค้าอาจจะสูญเสียรายได้ตอนที่ซ่อมแซมโรงงานไปบ้าง แต่หลังจากนั้น Demand มหาศาลก็จะกลับมาชดเชย ช่วงนั้นได้เอง อาศัยแค่เวลา ถ้าเราเป็นนักลงทุนระยะยาว ช่วงนี้แหละที่หุ้นลงต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐาน เราก็ทยอยเก็บได้ แต่ต้องอึดพอ เพราะไม่รู้ว่า Panic Sell จะมีผลร้ายแรงขนาดไหน

     สิ่งที่เราต้องป้องกันตัวเอง จากการขึ้นลงของราคาคือ อย่างแรก เราต้องไม่ใช้มาร์จินหรือเงินกู้มาเล่น เพราะมันจะทำให้เราเสียหายตอนหุ้นลง อย่างที่สอง เราต้องเลือกบริษัทที่ค่อนข้าง Conservative มันจะเติบโตช้า แต่มันจะไม่ล้มง่ายๆ และอย่างที่สาม ซึ่งสำคัญที่สุดคือ เราต้องฝึกใจเราให้นิ่งพอ ทุกอย่างถ้าเราวางแผนไว้ดีหมด แต่ใจไม่นิ่งพอ มันก็ไม่มีประโยชน์ เหมือนตอนนี้ ข่าวร้ายมากมาย หลายคนบอกว่าญี่ปุ่นจะย้ายฐานการผลิต หรือ เศรษฐกิจจะเข้าขั้นวิกฤติ แต่ถ้าใจเรานิ่งพอ เราจะสามารถผ่านมันไปได้ อย่าลืมว่า "ฟ้าหลังฝนสวยงามเสมอ" หลังจากน้ำลด ทุกคนต้องซ่อมแซมบ้าน โรงงาน และ ทรัพย์สินอีกมากมาย ผมว่ามันน่าจะเกิดการใช้จ่ายมหาศาล ซึ่งมันจะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจหลังน้ำลด

วันศุกร์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ในวิกฤติ ก็มีโอกาส

     ตลอดทั้งอาทิตย์ที่ผ่านมา แทบไม่มีข่าวอย่างอื่นเลย นอกจากข่าวน้ำท่วม และผมสังเกตุเห็นว่า ในข่าวนั้นจะมีภาพของความช่วยเหลือ ที่หลั่งไหลมาจากทั่วทุกที่ คนที่มีมากก็บริจาคมาก คนที่มีน้อยก็บริจาคน้อย ส่วนคนที่ไม่มีก็มาออกแรงช่วยกัน (ขอยืมคำพูดคุณตันมาใช้ ^_^) สุดท้ายมันก็เลยออกมาเป็นภาพแห่งความช่วยเหลือที่ยิ่งใหญ่ พูดถึงคุณตัน อิชิตัน โรงงานผลิตชาเขียวอิชิตัน ที่คุณตันเพิ่งสร้างใหม่ ถูกน้ำท่วมเสียหายหมด โรงงานแห่งนี้ยังสร้างไม่เสร็จเลยด้วยซ้ำ และสิ่งที่ผมเห็นแล้วรู้สึกว่า นี่แหละ คนที่มีน้ำใจจริงๆ คือ สิ่งที่อยู่ในสายพานการผลิต (ทั้งที่โรงงานยังไม่เสร็จเลย) คือ น้ำเปล่า ที่คุณตันใช้เครื่องของโรงงานผลิตเพื่อเตรียมนำไปบริจาค นอกจากนี้คุณตันยังบริจาคเงินอีกมามายมหาศาล ผมรู้สึกภูมิใจมากที่เงินของผมที่ซื้อชาเขียวอิชิตัน ส่วนหนึ่งได้ถูกนำไปช่วยเหลือเพื่อร่วมชาติในตอนนี้ ผมว่าการกระทำของคุณตันครั้งนี้ ได้ใจหลายๆคนไปเต็มๆ

     พูดถึงตลาดหุ้น สุดท้ายหลักการของเหตุผลก็ใช้ได้เสมอ คือ เมื่่อตลาดมีความกลัวมากเกินไป ณ เวลานั้นคนมีของอยากขาย คนไม่มีของอยากซื้อ ราคามันก็เลยลงต่ำไปเรื่อยๆ แต่เมื่อไรที่ราคาลงไปเรื่อยๆ จนถึงจุดที่รายใหญ่เค้าพอใจ ราคาก็จะกลับขึ้นมาอย่างรวดเร็ว อย่างตอนนี้คงอธิบายยากว่า อยู่ดีๆทำไมฝรั่งกลับมาซื้อซะอย่างงั้น 2 อาทิตย์ที่ผ่านมาฝรั่งซื้อไปแล้ว 13000 ล้านบาท และดัชนีก็ขึ้นมาเป็น 955.81 จุด เป็นที่เรียบร้อย แต่หลังจากนี้ไม่มีใครบอกได้แน่นอนว่าตลาดจะลงต่อไปรึเปล่า สำหรับผม ผมมองระยะสั้นว่ามันขึ้นมาค่อนข้างแรง น่าจะมีลงไปบ้าง เพราะลองคิดในมุมถ้าคุณเป็นฝรั่ง คุณคงไม่อยากซื้อราคาสูงขึ้นเรือยๆแน่ๆ ในระยะกลาง ผมมองว่ามันไปได้อยู่ เพราะอารมณ์ของคนในตลาดตอนนี้ค่อนข้างกลัว ดูได้จากบทวิเคราะห์จากโบรกเกอร์ และ ตามเว็บบอร์ดหลายๆที่ บวกกับข่าวน้ำท่วมในตอนนี้ ซึ่งแต่ละคนก็ประเมิณความเสียหายเป็นมูลค่ามหาศาลมาก ดังนั้นผมจึงคิดว่า ตอนที่คนกลัวนี่แหละหุ้นจะถูก เพราะไม่มีใครอยากซื้อ

     เหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนี้ สอนให้ผมรู้ว่า การที่เราทำลายธรรมชาติมากเกินไป สักวันหนึ่งธรรมชาติก็จะกลับมาเอาคืนเรา เราต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับธรรมชาติ ไม่ใช่เรียนรู้ที่จะต่อสู้กับธรรมชาติ เหมือนกับธรรมชาติของการลงทุน มีบางอย่างที่เป็นความคิดที่เรียบง่ายมาก ความคิดนี้ถูกสอนมาตั้งแต่บรรพบุรุษของผม คือ ความไม่มีหนี้คือลาภอันประเสริฐ บริษัทที่มีหนี้มาก โอกาสที่ธุรกิจจะโตเนื่องจากเงินทุนก็มีมาก แต่อย่าลืมว่า ธุรกิจต้องจ่ายดอกเบี้ยตลอดเวลา และ เมื่อมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้น ธุรกิจนั้นอาจจะล้มได้เลย เทียบกับบริษัทที่มีหนี้น้อย เราสามารถอุ่นใจได้อย่างนึงว่า ถึงบริษัทจะไม่โตแบบก้าวกระโดด แต่อย่างน้อยก็คงไม่ล้ม สามารถถือได้อย่างสบายใจ ไม่ว่าช่วงนั้นบริษัทจะประสบกับภัยธรรมชาติ ต้องหยุดการผลิตชั่วคราว มันอาจทำให้กำไรลดลงบ้าง แต่ไม่ถึงกับเจ๊ง ถ้าเทียบกับบริษัทที่มีหนี้มาก ต้องมีภาระการจ่ายดอกเบี้ยทุกเดือน อย่างไหนจะสบายใจกว่ากัน

วันศุกร์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ความช่วยเหลือ

     ตอนนี้หลายจังหวัดเกิดเหตุการณ์น้ำท่วม มีผู้ประสบภัยมากมายไร้ที่อยู่อาศัย ทรัพย์สินเสียหาย มันเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความเสียหายทั้งด้านทรัพย์สินและด้านจิตใจแก่ผู้ระสบภัยเป็นอย่างยิ่ง แต่จากพื้นฐานความมีน้ำใจของคนไทย เราก็ได้เห็นยอดบริจาคทั้งสิ่งของและเงินมากมายกำลังหลั่งไหลเข้าไปสู้พื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม ผมว่ามันเป็นภาพที่น่าชื่นชมมาก มันแสดงให้เห็นว่า เมื่อคนในชาติกำลังลำบาก เราคนไทยจะช่วยเหลือกัน บุคคลที่มีชื่อเสียงหลายๆคน อย่างคุณสรยุทธ(ตอนนี้ Hot มาก) หรือ คุณตัน โออิชิ และคนอื่นๆอีกมากมาย ตอนนี้ต่างมีบทบาทในการช่วยเหลือน้ำท่วม มันเป็นภาพที่สวยงามกลางวิกฤตที่เกิดขึ้นตอนนี้

     ตามหลัก กฏแห่งกรรม เราทำอย่างใด เราก็จะได้อย่างนั้น ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว มันใช้ได้ตลอดกาล อย่างตอนนี้มีญาติผมคนหนึ่งเล่าให้ฟังว่า บ้านเค้าน้ำท่วม ทุกคนในหมู่บ้านเดือดร้อนหมด ทุกคนพยายามเอาชีวิตรอดโดยการทิ้งบ้านไว้ และ หนีออกมาก่อน แต่พอทุกคนออกมาถึงถนนใหญ่ ทุกคนกลับไม่เห็นเพื่อนบ้านคนหนึ่งซึ่งมีนิสัยชอบช่วยเหลือผู้อื่น ใครขอให้ช่วยอะไร ลุงแกจะช่วยทุกอย่าง ทุกคนที่อยู่ที่ถนนใหญ่ ร่วมมือร่วมใจกันที่จะหาเรือไปรับลุงคนนั้นออกมา โดยที่ทุกคนลืมเรื่องทรัพย์สินของตัวเองไปหมดเลย เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ผมเชื่อเข้าไปอีกว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ใช้ได้ตลอดกาลจริงๆ

     กลับมาที่เรื่องหุ้น ผมว่าตอนนี้ใครทำใจ และ เอาตัวรอดได้ ผมถือว่าเก่งมาก เพราะตลาดหุ้นเล่นขึ้นลงแรงๆหลายครั้ง และสุดท้ายก็มาปิดตลาดที่ 909 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อสุทธิของต่างชาติ 4600 ล้านบาท แต่ รายย่อยขายออกไป 3500 ล้านบาท  มองภาพแล้วตอนนี้ต่างชาติเริ่มกลับมาซื้อ แ่ต่จะซื้อจริงหรือซื้อหลอก อันนี้ไม่รู้เหมือนกัน ถ้าซื้อจริงตลาดหุ้นก็จะกลับขึ้นไปได้ เพราะเงินทุนจากต่างชาติมีมหาศาลมาก สามารถชี้นำตลาดหุ้นไทยได้  วันนี้ผมมานั่งอ่านข่าวเกี่ยวกับการร่วมแรงร่วมใจช่วยเหลือน้ำท่วม ผมคิดว่าผู้ที่บริจาค จะได้รับอะไรหลายๆอย่างตอบแทนมากมาย เช่น การที่เราได้ช่วยเหลือคนที่กำลังมีความทุกข์ เราจะมีความสุข รู้สึกอิ่มเอมใจ หรือ เราจะได้จากทางอ้อมคือ หลังจากน้ำลด เงินที่เราบริจาคไปนั้นจะถูกน้ำไปจับจ่ายซื้อของ ซ่อมแซมทรัพย์สินส่วนที่เสียหาย ดังนั้น หลังน้ำลด เศรษฐกิจจะคึกคักขึ้น เนื่องจากแรงซื้อมหาศาล จากผู้ที่ประสบภัยน้ำท่วม 

     มีอีกคำสอนนึง ที่ผมคิดว่าตอนนี้เอามาประยุกต์ใช้ได้ คือ ทุกอย่างไม่เที่ยง มีขึ้นและมีลง มันเหมือนกับตอนนี้ประเทศไทย ประสบปัญหาน้ำท่วม แต่ ผมอยากให้ทุกคิดไว้ว่า มันไม่มีทางท่วมไปอย่างนี้ตลอดปี ปัญหามันเกิดมาเพื่อให้เราเรียนรู้ เรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน เรียนรู้ที่จะป้องกัน เรียนรู้ที่จะแก้ไข สักวันนึง เหตุการณ์ร้ายๆมันจะผ่านไป แต่มันจะผ่านไปพร้อมกับประสบการณ์ในการเอาตัวรอดของเรา ซึ่งมันจะทำให้เราแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ถ้าเราล้ม เราก็ต้องลุก เพราะชีวิตเราต้องดำเนินต่อไป เพื่อคนที่เรารัก และ เพื่อตัวเราเอง  ^_^

" ท้อได้แต่อย่าถอย "

" หลังพายุฝนผ่านไป  ฟ้าย่อมสดใสเสมอ "