แล้วสมมติว่าตอนราคาแพงมาถึง เราจะรู้ได้ไงหล่ะ ว่ามันแพงแล้ว เวลาหุ้นขึ้น หุ้นจะขึ้นได้ต้องมีกำไรมา Support หรือ อีกประเภทนึงก็ปล่อยข่าว เพื่อหวังปั่นราคาหุ้น (ประเภทหลังนี้ขึ้นไม่นาน ก็ร่วง) ฉะนั้นตราบใดที่กำไรแต่ละไตรมาสยังเพิ่มอยู่ มูลค่่าของหุ้นก็จะสูงขึ้น และหุ้นนั้นจะแพงก็ต่อเมื่อ ราคาหุ้น สูงกว่า มูลค่าหุ้น ง่ายๆเลย ยกตัวอย่าง สมมติซื้อหุ้นมาตัวนึง ตรวจสอบทางงบการเงิน และ อนาคตของบริษัทแล้วว่ามั่นคง ตอนซื้อ หุ้น A PE อยู่ที่ 10 เท่า ราคาอยู่ที่ 10 บาท หลังจากนั้น หุ้นขึ้นต่อไปเรื่อยๆ พร้อมกับกำไรที่โตขึ้นเรื่อยๆ กลายเป็น ราคา 20 บาท แต่ PE 10 เท่าเหมือนเดิม อย่างนี้ก็แปลว่าหุ้นยังไม่แพง เมื่อเทียบกับพื้นฐาน แต่ในมุมกลับกัน ตอนซื้อ หุ้น B PE อยู่ที่ 10 เท่า ราคา 10 บาท เช่นกัน ถือต่อไปเรื่อยๆ หุ้นราคาลง เหลือ 9 บาท แต่ PE กลับพุ่งสูงเป็น 20 เท่า อย่างงี้คือหุ้นเริ่มแพง สำหรับผมแล้ว ผมจะวิเคราะห์ดู ว่าผลกระทบเกิดจากอะไร ที่ทำให้กำไรลดลง ถ้ามันเป็นปัญหาชั่วคราว ผมก็จะเอากำไรเฉลี่ยที่ผ่านมา 4-5 ปี หรือ กำไรต่ำสุดใน 5 ปีที่ผ่านมา มาคิด PE แล้วดูว่ามันถูกหรือแพง บางทีมันอาจเป็นโอกาสในการซื้อหุ้น B เพิ่มก็ได้ แต่ถ้ากำไรที่ลดลงนี่มาจากพื้นฐานของธุรกิจจริงๆ ที่่จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างถาวร อันนี้ผมก็จะขายทันที ไม่รีรอ
ตอนนี้ตลาดหุ้น PE เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 12 เท่า ผมก็ว่าไม่แพงนัก แต่ก็ไม่ถูก ลองคิดผลตอบแทนต่อปีดูก็จะได้ 8.33% ต่อปี (คิดคร่าวๆนะครับ เอา 100/12 ) ตอนที่ตลาดเคยขึ้นไปสูงสุดที่ 1700 กว่าจุด PE อยู่ที่ 30 เท่า ซึ่งพอคิดเป็นผลตอบแทนแล้วเหลือ 3.33 % ต่อปีเอง หรือตอนที่ตลาดตกถึง 200 จุด PE ลงมาเหลือ 4 เท่า คิดเป็นผลตอบแทน 25% ต่อปี น่าเหลือเชื่อมั๊ยหล่ะครับ ว่า Greed&Fear ของมนุษย์นั้นสามารถทำเรื่องแบบนี้ได้ด้วย เวลาขึ้นก็โลภ ทำให้ราคาหุ้นขึ้นไปเรื่อยๆ จน 3.33% ก็เอา แต่เวลากลัว 25% ยังไม่เอาเลย รู้อย่างงี้แล้ว เราจะโลภ หรือ จะกลัวดีครับ คำตอบคือ โลภ เมื่อคนอื่นกลัว และกลัว เมื่อคนอื่น โลภ Credit By Warren Buffet ครับ ^_^
อันนี้คือผลงานของ Greed&Fear
ผมหวังว่าบทความนี้จะช่วยเตือนใจเพื่อนนักลงทุนได้นะครับ การลงทุนมันไม่ง่าย แต่มันก็ไม่ได้ยากถ้าเราเข้าใจ ความผันผวนนั้นเป็นธรรมชาติของตลาดหุ้น
ขอให้โชคดีกับการลงทุนครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น