แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่า ตัวไหนมันบอกได้จริงๆ่ว่า หุ้นมันถูก คำตอบก็คือไม่มีตัวไหนที่ทำแบบนั้นได้ 100% หรอกครับ ไม่งั้นการเล่นหุ้นคงง่ายพิลึก เช่น เลือกหุ้นตัวที่ PE ตัวที่ต่ำสุดของตลาดและซื้อแล้วถือต่อไปเรื่อยๆ (สักวันมันอาจจะขึ้น) แต่ในความเป็นจริงแล้วหุ้นบางตัว PE ต่ำยังไง ก็ต่ำขนาดนั้นมาตลอด ลองสังเกตุดูจะมีทุกครั้งที่เราใช้โปรแกรมแสกน PE,PBV ออกมา จะมีชื่อหุ้นบางตัวปรากฏตลอด และหุ้นพวกนี้จะปันผลค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับกำไร
ยกตัวอย่าง BECL หุ้นตัวนี้ PE,PBV ต่ำ และในปันผลที่สูง อย่างงี้เรียกว่าหุ้นถูกรึเปล่า ก็อยู่ที่มุมมองว่าคาดการณ์กำไรในอนาคตของบริษัทว่าเป็นอย่างไร เช่นผมมองว่า ในอนาคตรายได้จากค่าผ่านทางจะต้องถูกแบ่งให้รัฐบาล ส่งผลทำให้กำไรของบริษัทลดลง และ การที่จะลงทุนเพิ่มต้องใช้จำนวนเงินมาก ดังนั้นผมจึงมองว่าหุ้นไม่ได้ถูก ทั้งที่ PE , PBV ตำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดมาก
อีกตัวอย่างที่ตรงข้ามกัน CPALL เป็นหุ้นที่ตลาดให้ค่า PE และ PBV สูงมาก มันแสดงถึงว่าคนส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าในอนาคตหุ้นตัวนี้จะสามารถมีเปอร์เ็ซ็นต์การโตของกำไรที่สูง อย่างงี้ PE สูง แต่หุ้นแพงรึเปล่า ก็อยู่ที่มุมมองของแต่ละคน เช่น บางคนมองว่าในอนาคตคงไม่สามารถเพิ่มกำไรได้มากเท่าประวัติที่ผ่านมา ก็จะคิดว่าหุ้นตัวนี้แพง แต่ถ้าคิดว่าในอนาคตจะมีการเติบโตที่สูง ก็จะคิดว่าหุ้นตัวนี้ยังถูกอยู่
ดังนั้นสรุปได้เลยว่า การดูความถูกแพงของหุ้นมันอยู่ที่เราประเมิณว่าธุรกิจนั้น ในอนาคตมันจะโตอีกสักแค่ไหน ซึ่งการประเมิณได้เราต้องมีจินตนาการที่ไกลมาก ตรงนี้เป็น key ของการลงทุนในหุ้น แต่สำหรับมือใหม่อย่างผม ผมคิดว่า ถึงผมจินตนาการได้ไม่ดี หรือ ผิดไปจากความจริงเยอะ ผมก็จะไม่ยอมขาดทุน เพราะบริษัทที่ผมเลือกซื้อ อย่างแรกเลย คือ มี Market Cap. ที่ค่อนข้างสูง คือเกิน 3-4 หมื่นล้านขึ้นไป การมี Market Cap. ที่สูงก็ทำให้เราสบายใจได้ (ปั่นยากกว่าตัวเล็ก) อย่างที่สองคือ ต้องซื้อช่วงที่มันลงมาเท่านั้น เช่นตอนปรับฐาน หรือตอนมีข่าวร้ายมากๆ ซึ่งหุ้นจะราคาถูกกว่าราคาเดิม และอย่างที่สามสำคัญที่สุดคือ ก่อนซื้อศึกษาหุ้นตัวนั้นดีๆว่า มันเป็นหุ้นปั่นที่เจ้าแรงรึเปล่า หาไม่ยากหรอกครับถ้าพยายาม(ดูจากกราฟ+search หาจากในเว็บการลงทุนต่าง) แค่นี้ก็ไม่ต้องกลัวอะไรแล้ว ถืออย่างสบายใจ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น