รายการบล็อกของฉัน

วันอาทิตย์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2554

หุ้นกลุ่มพลังงาน

     ช่วงนี้ เป็นช่วงปรับฐานของตลาดหุ้น ทั้งไทยและต่างประเทศ มีอีกอย่างหนึ่งที่ปรับฐานด้วยเหมือนกันคือ ราคาน้ำัมัน ตอนนี้เหลือประมาณ 85 เหรียญนิดๆ


ดูจากกราฟแล้ว ช่วงที่ลงหนักๆเลยก็ปี 2008 ลงจาก 140 เหลือ 30 เหรียญ ตอนนี้คนทั่วไปก็คงจะมองว่า ราคาจะลงจาก 110 เหรียญ เหลือพอๆกับตอนปี 2008 ในความเห็นผม ผมคิดว่า ไม่น่าจะลงถึงขนาดนั้น เหตุผลคือถ้าดูจากกกราฟช่วงปี 2008 จะเห็นว่าน้ำมันนั้นมันขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง และยาวนาน มันเป็นหลักธรรมชาติ คือเวลามันจะร่วงมันจะร่วงแรงเหมือนกัน(ไม่เชื่อเด๋วดูทอง) แต่การร่วงในครั้งนี้ ลองคิดในมุมเหตุและผล คุณคิดว่าคนอื่นจะคิดเหมือนคุณหรือไม่ว่า ราคาจะลงไปเหมือนตอน 2008 ทุกคนเปิดกราฟแล้วก็เห็นแบบนั้น (แดงเถือก) ผมเชื่อว่านักลงทุนส่วนใหญ่คิด ฉะนั้นในมุมนี้ผมว่าเมื่อไม่มีคนอยากซื้อแสดงว่าตอนนี้ราคาน้ำมันถูก แต่ไม่ได้แปลว่ามันจะไม่ลงอีกนะ (ถ้าทำนายได้แม่นจริง ก็คงรวยไม่รู้เรื่องแล้ว)  ในมุมมองของผม ผมว่าตอนนี้หุ้นพลังงานน่าสนใจมาก ถ้าเอาให้ safe สุดในกลุ่มพลังงานก็ PTT เำพราะกระทรวงการคลังถือหุ้นอยู่เยอะมาก ยังไงเค้าก็อยู่ข้างเรา และตอนนี้ PTT มีข่าวร้ายมากระทบเยอะอย่างเช่นท่อก๊าซรั่ว ขาดทุน stock น้ำมัน ราคา NGV ขึ้นไม่ได้ นี่แหละเป็นเวลาที่น่าซื้อที่าสุด อีกตัวก็ IRPC ข่าวร้ายก็เยอะพอๆกัน เช่น ราคาปิโตรเคมีที่เป็นขาลง และ Q4 จะปิดปรับปรุงโรงงาน หรืออื่นๆ อีกมากมาย  ทำให้ราคาหุ้นยังไม่ค่อยไปไหน หุ้น 2 ตัวนี้ถ้าดูจากเงินปันผลที่ได้ จะอยู่ที่ประมาณ 3%กว่าๆ และ PE อยู่ที่ ประมาณ 10-11 (ราคา ณ วันที่ 11 สิงหาคม 2554) ผมว่าน่าสนใจทีเดียว 

     มุมมองในอนาคตของราคาน้ำมัน หลายๆคนพูดว่าในอนาคตรถยนต์จะเปลี่ยนไปใช้พลังงานไฟฟ้า ไนมุมมองของผม ผมคิดว่า การจะเปลี่ยนโครงสร้างของระบบยานยนต์ คงต้องใช้เวลา และเงินทุนมหาศาล ในการเปลี่ยนแปลง ตัวอย่างเช่น ยอดขายรถยนต์ในตอนนี้ (แถบเอซีย) มีมหาศาลมาก เอาแค่จีนประเทศเดียวก็สุดๆแล้ว หรืออย่างประเทศไทยก็ทุบสถิติเก่าอีก ทั้งที่เศรษฐกิจไม่ได้ดีมาก แล้วรถยนต์ที่ขายออกไปตอนนี้ อย่างน้อยก็มีอายุการใ้ช้งานประมาณ 5 ปี รถพวกนี้ยังต้องใช้น้ำมันอยู่ ดังนั้นอย่างน้อยเราจะต้องเห็นปั๊มน้ำมันต่อไปอีก 5 ปี ส่วนรถยนต์ที่มีเทคโนโลยีรุ่นใหม่ๆ อย่างเช่น Hybrid, Fuel Cell ,อื่นๆอีกมากมาย ก็ยังไม่ได้รับความนิยมมากนัก เพราะมีราคา และค่า Maintenance ที่สูง  หรือถ้าอย่างพลังงานทดแทน(น่าจะเป็นไปได้มากที่สุด) ก็คือ แก๊สโซฮอล กับ ไบโอดีเซล ตอนนี้ก็มี BCP ก็ทำด้านพลังงานทดแทนอยู่ (PTT ถือหุ้น BCP อยู่ประมาณ 22%)  ผมจึงยังมองว่าหุ้นกลุ่มพลังงานยังมี Upside ได้อีก 

     แล้วเราจะรู้ไ้ด้อย่างไรว่าควรขายช่วงไหน คำตอบง่ายๆคือ ขายตอนมันแพงเกินความจริงไปมาก ซึ่งก็คือตอนที่มันเกิด ฟองสบู่ นั่นเอง วิธีสังเกตุว่าเป็นฟองสบู่หรือไม่ ดูไม่ยาก เช่น จะเป็นช่วงที่คนแย่งกันเข้าไปซื้ออย่างน่าตกใจ และบทวิเคราะห์ก็จะให้ราคาเป้าหมายเกินความเป็นจริงไปมาก อย่างก่อนเดิน Subprime ครั้งที่ผ่านมา ถ้าดูจากกราฟจะเห็นว่าราคาน้ำมัันวิ่งมาแบบไม่หวือหวามาก จากนั้นย่อก่อนครั้งนึง แล้วก็พุ่งแบบหยุดไม่อยู่ ตอนราคา 140 เหรียญ ผมจำได้ว่า นักวิเคราะห์ทุกสำนักให้ราคาเป้าหมาย 200 เหรียญกันหมด และมีแต่ข่าวดีต่อราคาน้ำมันทั้งนั้น(ลอง search ดู จะเจอ)  หาข่าวร้ายแทบไม่เจอ และ คิวติดแก๊ส รอนานมาก(อันนี้สังเกตุเอาจากประเทศไทย.. ^_^) นี่แหละคือสัญญานบอกฟองสบู่  ถ้าเจอเหตุการณ์แบบนี้ ผมจะรู้สึกไม่สบายใจ และขายหุ้นออกมา หลังจากนั้นผมจะไปหา Sector ที่เป็น Downtrend   ดูเหมือนจะบ้า แต่ผมว่ามันทำให้ผมรอดพ้นจากตกเหวได้ 

     สรุป หุ้นกลุ่มพลังงานในความคิดผม ตอนนี้มันอยู่ใน Uptrend จริง แต่ราคายังไม่ไปไหนเท่าไร ทั้งตัวราคาน้ำมันเอง  และตัวหุ้นที่มีข่าวร้ายอยู่อย่าง PTT แลพ IRPC ดังนั้นผมว่าหุ้นยังมี Upside ได้อีกเยอะ และจาก PE กับ Dividend Yield ที่บอกสนันสนุนว่า หุ้นยังราคาถูกนั้น มันเป็นเหตุผลที่ผมกำลังจะซื้อหุ้นกลุ่มนี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น